Featured News
Posts List
Posts Slider
Health
-
ประจำเดือน มีลักษณะแบบไหนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
ประจำเดือน มีลักษณะแบบไหนที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
ประจำเดือน คือเลือดและเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นทุก 21-35 วัน แต่ละรอบจะอยู่นาน 3-7 วัน การที่เราต้องมีการสร้างเนื้อเยื่อโพรงมดลูกใหม่เสมอก็เพื่อให้พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน จึงทำให้เกิดวงโคจรของประจำเดือนแบบนี้ขึ้นมา ซึ่งก็จะขึ้นๆ ลงๆ ตามระดับของฮอร์โมนเพศด้วย โดยปกติสีประจำเดือนก็จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนกันในแต่ละครั้งแต่ละเดือนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับความเก่าใหม่ของเลือด
ประจำเดือน มาผิดปกติมีสาเหตุจากอะไร
สิ่งที่เราควรสังเกตเกี่ยวกับประจำเดือน
- ปริมาณเลือดที่ออก ตามปกติเลือดที่ออกมาจะมีปริมาณไม่มากนัก แต่หากท่านใดพบว่าต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชม. อันนี้คือปริมาณเลือดออกมาเยอะจนเกินไปอาจมีความผิดปกติแนะนำให้มาตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับนรีเวช
- เลือดที่ออกมามีลักษณะเป็นก้อนเลือด เป็นลิ่มๆ สีแดงสด แดงเข้ม แดงคล้ำ อันนี้อาจเกิดความผิดปกติเช่นกันแนะนำให้มาตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับนรีเวช
- ความสม่ำเสมอของรอบเดือน ที่ต้องมาทุก 21-35 วัน ไม่มาเร็วกว่า 21 วัน หรือมาช้ากว่า 35 วัน
สาเหตุของประจำเดือนที่ผิดปกติ
- ความเครียด ความวิตกกังวล
- อาหาร การอดอาหาร น้ำหนักที่เพิ่มหรือลดลงเร็วเกินไป
- การรับประทานยาคุมกำเนิด
- การเจ็บป่วยทางนรีเวช เช่น เนื้องอกในมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก โรคถุงน้ำในรังไข่ การตั้งครรภ์ ภาวะไข่ล้มเหลวก่อนวัยอันควร
เลือดออกผิดปกติแบบไหนที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษ
- เลือดออกมากหลังมีเพศสัมพันธ์ เสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก
- ประจำเดือนขาดเกิน 3 เดือน(ไม่ท้อง) เสี่ยงเป็นไข่ไม่ตกเรื้อรัง ไทรอยด์
- เลือดออกกระปริดกระปรอย ไม่เป็นรอบ เสี่ยงเป็น มะเร็งปากมดลูก
10 ของกินบำรุงลดปวดประจำเดือนแบบไม่ต้องกินยา
1.น้ำขิง
ในวันที่ปวดประจำเดือน ได้จิบน้ำขิงร้อนๆ ทีนี่แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย เพราะว่าขิงเป็นสมุนไพรแก้ปวดท้องประจำเดือนที่มีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี และช่วยบรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเหมือนได้ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบเลยทีเดียว นอกจากจะลดปวดประจำเดือนแล้ว ขิงยังช่วยบำรุงร่างกายให้ประจำเดือนมาปกติได้อีกด้วย ถ้าใครไม่ชอบดื่มน้ำขิงเปล่าๆ จะเติมบัวลอยลงไปกินคู่กัน เพิ่มระดับน้ำตาลให้อารมณ์ดีก็สามารถตามไปดูสูตร บัวลอยน้ำขิงได้
2. กล้วยหอม
กล้วยหอมเป็นหนึ่งในผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 6 และโพแทสเซียม ที่ช่วยลดอาการปวดเกร็งท้องน้อยและหน้าอก และลดอาการบวมน้ำ นอกจากลดอาการปวดแล้วยังช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนซึ่งเป็นการป้องกันอาการปวดประจำเดือนได้ด้วย
3. สับปะรด
สับปะรดเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนมีประจำเดือนเป็นที่สุด เพราะมีทั้งเอนไซม์โบรมีเลนช่วยผลัดเยื่อบุโพรงมดลูกให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และมีแมงกานีส ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จึงช่วยให้ลดอาการปวดเกร็งได้นั่นเอง นอกจากนี้รสชาติเปรี้ยวอมหวานยังช่วยให้อารมณ์ดีอีกด้วย
4. ชาคาโมมายล์
หลายๆ คนอาจเคยได้ยินมาว่าชาคาโมมายล์เป็นเครื่องดื่มยอดฮิตสำหรับคนหลับยาก แต่ชาคาโมมายล์ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มร้อนที่มีคุณสมบัติบรรเทาอาการปวดและความวิตกกังวลได้เป็นอย่างดีสำหรับคนเป็นประจำเดือน เพราะคาโมมายล์เป็นสมุนไพรแก้ปวดท้องประจำเดือนที่มีฤทธิ์แก้อักเสบ แก้อาการกระสับกระส่าย และช่วยให้ผ่อนคลาย อีกทั้งเครื่องดื่มร้อนยังช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีด้วย
5. น้ำเต้าหู้
ถือเป็นเครื่องดื่มยามเช้าของคนรักสุขภาพที่ดีต่อร่างกายมากๆ เพราะมีไฟโตเอสโตรเจนเลียนแบบฮอร์โมนเพศหญิงชื่อไอโซฟลาโวน ที่ช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ และช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน นอกจากจะดี ในช่วงมีประจำเดือนแล้ว ยังเป็นอาหารบำรุงร่างกายชั้นเยี่ยมสำหรับวัยหมดประจำเดือน
6. ผักใบเขียว
ผักใบเขียวอย่างผักโขมหรือปวยเล้ง ก็สามารถช่วยลดปวดประจำเดือนได้เหมือนกัน เพราะว่ามีแมกนีเซียม วิตามินบี 6 และวิตามินอีสูง ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยลดอาการปวดเกร็งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์สูงจึงช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ทั้งท้องผูกท้องอืดในช่วงมีประจำเดือนได้อีกด้วย ถ้าใครอยากกินอะไรร้อนๆ แก้ปวดท้องน้อย ก็สามารถทำอาหารแก้ปวดท้องประจำเดือนอย่างต้มจืดปวยเล้งหมูเด้ง มาบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้
7. ดาร์กช็อกโกแลต
นอกจากการกินช็อกโกแลตจะทำให้อารมณ์ดีแล้ว ในดาร์กช็อกโกแลตยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียมที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดประจำเดือน และช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ที่ช่วยลดความเครียด และช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้เราไม่รู้สึกว้าวุ่นใจระหว่างวัน
8. มะละกอ
มะละกอก็เป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่อุดมไปด้วยสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็น แคโรทีน แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินซี และธาตุเหล็ก ที่ช่วยบำรุงร่างกายในช่วงเป็นประจำเดือนที่สูญเสียธาตุเหล็กไป นอกจากนี้มะละกอยังช่วยผลัดเซลล์ผิว จึงลดสิวที่เกิดจากความมันส่วนเกินและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนได้อีกด้วย
9. ปลาแซลมอน
ปลาเนื้อส้มที่มีคุณประโยชน์มากมายแถมช่วยลดอาการปวดประจำเดือน เพราะอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 วิตามินบี 6 และวิตามินดี มีทริพโตเฟน กรดอะมิโนที่ช่วยควบคุมระดับเซเรโทนิน ลดระดับความเครียดและวิตกกังวล และทำงานร่วมกับกรดโฟลิกและธาตุเหล็กในการสร้างเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปรังสรรค์อาหารแก้ปวดท้องประจำเดือนได้หลากหลายเมนู อย่าง แซลมอนซอสมะขาม ที่อร่อยคลีนได้ประโยชน์เต็มๆ
10. น้ำอุ่น
อาจฟังดูธรรมดา แต่น้ำอุ่นเป็นตัวช่วยลดปวดประจำเดือนได้เป็นอย่างดี การที่ปวดเกร็งท้องน้อยเกิดจากการบีบตัวของมดลูกเพื่อขับเลือดออกมา เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำอุ่นที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงช่วยลดการบีบตัวที่ทำให้ปวดท้องน้อยนั่นเอง นอกจากนี้การดื่มน้ำอุ่นยังช่วยขับสารพิษ พร้อมรักษาระดับน้ำในร่างกายไม่ให้เราขาดน้ำระหว่างวันด้วย
ปวดท้องประจำเดือน แบบไหนที่ควรพบแพทย์ทันที
อย่ามองข้ามอาการปวดท้องน้อย หรือประจำเดือนที่ผิดปกติ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนสู่ปัญหาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ช็อกโกแลตซีสต์ ท่อน้ำไข่อุดตัน เนื้องอกมดลูก
- ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ เดือน ซึ่งอาจสังเกตจากการที่ต้องใช้ยาแก้ปวดมากขึ้น
- รับประทานยาแก้ปวดแล้วแต่ยังไม่ทุเลาปวด และยังคงมีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้น
- ปวดท้องมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
- รู้สึกปวดท้องน้อยถึงแม้ไม่ใช่ช่วงที่มีประจำเดือน
- ประจำเดือนมีปริมาณมากกว่าปกติ สังเกตจากการใช้ผ้าอนามัยเยอะขึ้น
- มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ถ่ายเหลว บางครั้งอาจปวดท้องมากจนเหงื่อไหล บางคนอาจมีไข้ระหว่างปวดประจำเดือนร่วมด้วย
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบได้ในผู้หญิง ที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ที่เกิดขึ้นบริเวณปากมดลูก ซึ่งสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ เลย หากได้รับการตรวจคัดกรองตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกมักไม่ค่อยมีสัญญาณ ทำให้เมื่อมีอาการก็มักจะเป็นในขั้นรุนแรงแล้ว มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papollpmavirus) ที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์หลักๆ ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศของทั้งผู้ชายและผู้หญิงนั่นก็คือ สายพันธุ์ 16 และ 18
วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในปัจจุบันนี้มีอยู่ 3 วิธี นั่นก็คือ
1. วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกแปปเสมียร์ (Pap smear) เป็นการตรวจที่แพทย์จะใช้ไม้พายเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ก่อนนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมานาน เป็นวิธีการตรวจที่ราคาไม่สูง แต่ด้านความแม่นยำอาจไม่มากนัก อยู่ที่ประมาณ 50 %
2. วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกตินเพร็พ (ThinPrep) วิธีนี้พัฒนามาจากวิธีแปปเสมียร์ มีประสิทธิภาพและความแม่นยำอยู่ที่ประมาณ 90-95% โดยเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์เฉพาะ จากนั้นใส่ลงในขวดน้ำยาตินเพร็พ ก่อนส่งตรวจผลในห้องปฏิบัติการ
3. วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกตินเพร็พ (ThinPrep) + การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) เป็นการตรวจที่เชื่อว่าดีที่สุด เพราะเป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูก ร่วมกับการเจาะลึกให้มากขึ้นว่ามีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มีการติดเชื้อก็สามารถมั่นใจได้ถึง 99 % ว่าในช่วง 1-2 ปีที่รับการตรวจโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกจะน้อยมาก
ความจริงแล้วในการตรวจมะเร็งปากมดลูกก็ไม่ได้ต้องเตรียมตัวอะไรกันมาก แค่เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม คุณหมอบอกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตรวจ คือช่วง 10-20 วันหลังจากมีประจำเดือน นั่นหมายความว่าเมื่อเรานับจากวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 และนับต่อไปอีกสิบวันจนวันที่ 11 ถึงวันที่ 20 ช่วงนี้ร่างกายจะมีความสะอาดมาก ซึ่งทำให้มีค่าเบี่ยงเบนน้อย จึงเหมาะกับการตรวจคัดกรอง แต่อย่างไรก็ตาม การเข้ามาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรองนี้สามารถทำได้ทุกเวลา ยกเว้นเพียงแค่ช่วงมีประจำเดือนเท่านั้น
อาการปวดประจำเดือน สามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และดื่มน้ำให้เพียงพอ นอกจากการกินอาหารให้ถูกชนิดจะช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้แล้ว ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ ไม่ว่าจะเป็นการนวดและวิธีอื่นๆ แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเรากำลังเผชิญกับอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ภายในอยู่ก็ได้ ดังนั้นหากมีอาการปวดที่มากกว่าปกติและมีอาการอื่นๆ ควรรีบพบแพทย์และตรวจคัดกรองเพื่อรักษาอาการได้อย่างทันท่วงที
ที่มา
- https://www.rama.mahidol.ac.th/
- https://www.wongnai.com/
- https://www.vimut.com/
- https://www.pexels.com/th-th/photo/5938362/
- https://www.pexels.com/th-th/photo/5938354/
ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ vonwaldberggermanshepherds.com สนับสนุนโดย ufabet369
Economy
-
ชู “เงินกู้โควิด” ผลงานชิ้นโบแดงเพิ่มมูลค่าจีดีพี
ชู “เงินกู้โควิด” ผลงานชิ้นโบแดง เพิ่มมูลค่าจีดีพี 8 แสนล้าน-เศรษฐกิจโต 4.89%
ประทับตรา “ผลงานดีมาก” ครม.รับทราบประเมินผลเงินกู้โควิดก้อนแรก 3 แผนงาน ส่งผลให้มูลค่าจีดีพี รวมตั้งแต่ปี 2563–2566 เพิ่มขึ้น 0.80 ล้านล้านบาท จีดีพีเพิ่มขึ้น 4.89% ปลื้มสุด ชูมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบช่วยคนไทยบรรเทาภาระ–ลดหนี้–หมุนเงินเพิ่มกว่า 2 ล้านล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานการประเมินผลโครงการในภาพรวม รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 3
และรายงานการประเมินผลลัพธ์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในการดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563
ประกอบด้วย แผนงานที่ 1 แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19
จากการประเมินผล 51 โครงการ วงเงิน 63,398.96 ล้านบาท มีผลเบิกจ่าย 59,051.04 ล้านบาท คิดเป็น 93.14% ของกรอบวงเงิน ผลการ ดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 63,559.74 ล้านบาท
มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่คาดว่ารัฐจะได้รับกลับคืนสูงสุดภายในเวลา 3 ปี 12,267.03 ล้านบาท ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่ติดเชื้อโควิด
ยกระดับการวิจัยและพัฒนาการผลิตวัคซีน และเพิ่มความเชื่อมั่นของบุคลากรทางการแพทย์ต่อระบบสาธารณสุข ของประเทศ ขณะที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและอาสาสมัครสาธารณสุขได้รับค่าตอบแทน เยียวยา
และชดเชยค่าเสี่ยงภัย ทั้งสิ้น 6,222.14 ล้านบาท สถานพยาบาลและโรงพยาบาลทั่วประเทศได้รับการสนับสนุนครุภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ 33,820 รายการ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอกซเรย์ เครื่องตรวจความดัน รถพยาบาล วัสดุทางการแพทย์ และประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 45.90 ล้านโดส
แผนงานที่ 2 แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากการประเมินผล 20 โครงการ วงเงิน 709,059.02 ล้านบาท มีผลเบิกจ่าย 704,749.81 ล้านบาท คิดเป็น 99.39% ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมากเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 2,304,509.85 ล้านบาท มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมที่คาดว่ารัฐจะได้รับกลับคืนสูงสุดภายใน 3 ปี 444,837.87 ล้านบาท
ช่วยชะลอการเกิดหนี้เสียหรือการเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือน บรรเทาผลกระทบครอบครัวจากเงินช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ ลดความ เครียดและความวิตกกังวลของประชาชน โดยส่วนนี้ เป็นการช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชยรายได้ และบรรเทาค่าใช้จ่าย 704,749.72 ล้านบาท เช่น ประชาชนที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการเราชนะ 32,866,393 ราย กลุ่มเปราะบาง 6,663,602 ราย และเกษตรกร 7,565,880 ราย
แผนงานที่ 3 แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
จากการประเมินผล 329 โครงการ วงเงินรวม 208,354.27 ล้านบาท มีผลเบิกจ่าย 185,538.47 ล้านบาท คิดเป็น 89.05% ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 816,288.75 ล้านบาท
มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมที่คาดว่ารัฐจะได้รับกลับคืนสูงสุดภายในเวลา 3 ปี 173,052.59 ล้านบาท มีการจ้างงานและรักษาระดับการจ้างงานในช่วงโควิด 237,884 ราย ยกระดับกำลังการผลิตผ่านการพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่และพื้นที่ต้นแบบ “โคก หนอง นา” รวมทั้งยกระดับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ 55,651 แปลงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นการปรับปรุง ซ่อมแซมถนน จำนวน 548 แห่ง และจัดการแหล่งน้ำต่างๆ ทั้งแหล่งน้ำชลประทาน แหล่งน้ำบาดาล และแหล่งน้ำธรรมชาติ จำนวน 782 แห่ง
“ผลกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจ (Gross domestic product GDP) จากการใช้จ่ายเงินกู้ 950,590.60 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) รวมตั้งแต่ปี 2563-2566 เพิ่มขึ้น 0.80 ล้านล้านบาท และเมื่อพิจารณาตามแผนงาน พบว่า การใช้จ่ายเงินกู้ตามแผนงานที่ 2 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้มูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมากที่สุด 0.59 ล้านล้านบาท นอกจากนั้น การใช้จ่ายเงินกู้ฯส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP Growth) ให้เพิ่มขึ้นทั้งหมด 4.89% โดย ในปี 2564 อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 2.48% ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อตั้งแต่ปี 2563-2566 ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 0.05% ต่อปี โดยในปี 2564 เพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 0.08%”.
ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : vonwaldberggermanshepherds.com
Latest News
Michael Block: Club pro ถ่ายทำโฮลอินวันอันน่าตื่นเต้น
เพื่อปิดฉากหนังสือนิทาน P...
โกเร็ตซ์ก้า หนึ่งในนักเตะที่ถูกสื่อมองว่ามีโอกาสย้ายทีมในหน้าร้อนนี้
โกเร็ตซ์ก้า หนึ่งในนักเตะ...
หมีจำศีลไม่เกิดลิ่มเลือด ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์รู้แล้วว่าทำไม
หมีจำศีลไม่เกิดลิ่มเลือด ...